JustMakeWeb.com รับทำเว็บไซต์ รับทำเว็บโรงแรม รับทำเว็บขายของ รับทำเว็บบริษัท เว็บสำเร็จรูป รับทำเว็บร้านค้า ออกแบบเว็บไซต์ ใช้งานได้ง่าย รองรับ SEO โปรโมท GOOGLE ให้ติดอันดับได้อย่างรวดเร็ว , ลงโฆษณาฟรี VPS ราคาถูก
รับทำเว็บไซต์
0
 Sale@fastpacfulfillment.com  +66 2 026 6379

ประโยชน์หลักๆ 6 ข้อหากเรา Outsource ผู้ให้บริการ Fulfillment

2021-11-11 10:08:13 ใน บทความ » 0 216
1. หลีกเลี่ยงสัญญาเช่าระยะยาว
แน่นอนว่าการทำเอง คุณจะต้องทำสัญญาเช่าระยะยาว และ มีภาระผูกพันทางการเงินอื่น ๆ ในการเช่าพื้นที่คลังสินค้าสำหรับสินค้า และยิ่งธุรกิจโตมากเท่าไหร่ คุณก็จะต้องเช่าพื้นที่คลังมากขึ้น หรือ สร้างคลังใหม่ที่รอบรับปริมาณสินค้าของคุณได้ ซึ่งทำให้ overhead cost พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ไหนจะยังค่าพนักงานที่จะต้องจ่ายในทุก ๆ เดือน ออเดอร์จะเยอะ จะน้อยก็ต้องจ่ายเท่าเดิม แต่การ Outsource จะช่วยประหยัดต้นทุนส่วนนี้ได้ เพราะคุณจะถูกคิดค่าใช้จ่ายตามที่คุณใช้เท่านั้น.

2. ช่วยลดขั้นตอนธุรกิจ
การทำ backend logistics นั้นถือเป็นกระบวนการที่มีการใช้แรงงานเยอะ โดยเฉพาะในการทำ e-commerce คุณอาจจะต้องเช่าพื้นที่เพิ่มเติมสำหรับพนักงาน ค่าจ้าง ค่าฝึกอบรมต่าง ๆ รวมถึงอุปกรณ์ที่ต้องซื้อสำหรับการทำงาน ซึ่งเป็นต้นทุนที่เป็น Fix Cost คุณจ่ายเท่าเดิม ไม่ว่ายอดขายคุณอาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง
การ outsource งานการจัดหาพนักงาน และ การจ้างพนักงาน จะตกอยู่กับผู้ให้บริการ Fulfillment ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถรักษาโครงสร้างธุรกิจของคุณให้ลีน และ หลีกเลี่ยงความปวดหัวทั้งหมดที่จะมาพร้อมกับการจ้างและการจัดการพนักงานได้

3. มีเวลาโฟกัสการขยายธุรกิจ
การจัดการคำสั่งซื่อ เป็นขั้นตอนที่ใช้เวลามาก ไหนจะต้องเดินไปหยิบสินค้า นำมาแพ็คแบบต่าง ๆ เพื่อจัดส่ง ซึ่งคุณอาจจะรู้สึกว่า ก็ไม่ได้ยากอะไรนิ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ธุรกิจคุณโตขึ้น ขั้นตอนนี้นี่แหละ ที่คุณมักอดหลับอดนอนเพื่อทำมัน
เพราะเมื่อธุรกิจโตขึ้น หมายความว่าสินค้าจะเข้าออกคลังสินค้าเยอะ และ เร็วมาก ไหนจะออเดอร์ที่พุ่งมาจากช่องทางการขายที่หลากหลายในเวลาเดียวกัน ทำให้การจัดการคำสั่งซื้อนั้นยากขึ้นอย่างมาก นอกจากการแพ็คของส่งให้ทันแล้ว ทุก ๆ สิ้นวันต้องนับสต็อกอีก การจะหาความสมดุลระหว่างการทำงาน และ การคิดกลยุทธ์เพื่อขยายธุรกิจนั้นจึงทำได้ยาก การ Outsource จะช่วยให้คุณมั่นใจว่า คำสั่งซื้อของลูกค้าจะถูกจัดการโดยมืออาชีพจริง ๆ และคุณเองก็จะมีเวลาในการคิดกลยุทธ์เพื่อขยายธุรกิจได้มากขึ้นด้วย

4. ช่วยจัดการกับความผันผวนของออเดอร์ในช่วง Seasonal ได้
สำหรับช่วง low season สินค้าของคุณที่มียอดขายลดลง หากคุณนั้นมีทีมจัดการออเดอร์ของตัวเอง แน่นอนว่า fix cost ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าพื้นที่ ค่าแรงงาน และ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ คุณก็ต้องจ่ายเท่าเดิม ทำให้กำไรจากการขายสินค้าที่ลดลงแล้ว ยิ่งลดลงไปอีก ฉะนั้นหากคุณเลือก outsource ค่าใช้จ่ายในช่วง low season ของคุณก็จะลดน้อยลง เพราะเค้าคิดตามยอดขายที่เกิดขึ้นจริง ขายได้น้อยก็ไม่ต้องจ่ายแพง

5. ลดต้นทุนค่าขนส่ง
ค่าขนส่ง เป็นต้นทุนก้อนใหญ่ในการทำ e-commerce แถมยังเป็นขั้นตอนที่แบกความคาดหวังของลูกค้าไว้ ปัญหาการส่งผิด ส่งสลับ หรือ การส่งล่าช้า จะทำให้ลูกค้าเกิดควาไม่พอใจ และ หยุดซื้อสินค้ากับเราไปได้ง่าย ๆ ฉะนั้น การ outsource ผู้ให้บริการ Fulfillment จะช่วยให้คุณคลายกังวล ด้วยระบบการบริการจัดการขนส่งที่มีคุณภาพ และ ออกแบบมาเป็นอย่างดี รวมถึงมี Hub ตามจุดต่าง ๆ สามารถกระจายสินค้าไปยังลูกค้าปลายทางได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ลูกค้าพึงพอใจมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ให้บริการ Fulfillment เค้ามักจะมี Volume base ที่สามารถนำไปต่อรองกับผู้ให้บริการขนส่งให้ได้ราคาค่าขนส่งที่ถูกลง ส่งผลให้คุณจ่ายน้อยลง และ กำไรมากขึ้น

6. มีเทคโนโลยีจัดการสินค้าคงคลังที่ดีกว่า
หากคุณขาย e-commerce มาสักพัก คุณจะรู้ได้เลยว่าขั้นตอนที่เหนื่อยและปวดหัวที่สุด ไม่ใช่การขาย หรือ การส่งสินค้า แต่เป็นการสินค้าคงคลังต่างหาก เพราะสต็อกดิฟมาที หากันวุ่นวายมากว่าเกิดจากตรงไหน แต่ผู้ให้บริการ Fulfillment เค้าจะมีระบบในการบริหารจัดการ และ เอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อสต็อกจากช่องทางการขายหลาย ๆ แห่งเข้ากับคลังสินค้าแห่งเดียวกันได้ ทำให้คุณเห็น status ของสินค้านั้น ๆ แบบ real-time และ ลดโอกาสสินค้าขาดสต็อกได้ด้วย
จะเห็นว่าข้อดีของการ outsource มีค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ใช่ว่าเห็นแบบนี้ทุกคนควร outsource หมดนะครับ แอดมินยังรู้สึกว่า หากทำเองได้ มันก็เป็นเรื่องดีที่จะทำเองก่อน ไว้เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกว่าการทำเองไม่สามารถทำให้ธุรกิจเติบโตได้ ตรงจุดนั้นต่างหาก ที่เป็นจุดที่คุณควร
พิจารณาในการหา outsource

อ้างอิงบทความจาก : easyship.com,